สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง “การปรับปรุงกฎหมายเพื่อป้องกันอันตรายจากผู้กระทำความผิดหรือผู้พ้นโทษที่มีลักษณะเป็นภัยต่อสังคม” ทำการสำรวจในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,002 หน่วยตัวอย่าง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูล ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากผลการสำรวจ เมื่อถามถึงการรับรู้เกี่ยวกับ “ผู้ต้องขังที่กระทำความผิดซ้ำซากเป็นนิสัย ในคดีร้ายแรงอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ส่วนใหญ่จะได้รับการปล่อยตัวก่อนครบกำหนดตามคำพิพากษา” พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 57.14 ระบุว่า ทราบ รองลงมา ร้อยละ 42.46 ระบุว่า ไม่ทราบ และร้อยละ 0.40 ระบุว่า ไม่แน่ใจ
ส่วนความคิดเห็นต่อการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่กระทำความผิดซ้ำซากเป็นนิสัยในคดีร้ายแรงอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญออกจากเรือนจำก่อนครบกำหนด พบว่า ร้อยละ 95.90 ระบุว่า ไม่ควรได้รับการปล่อยตัวออก จากเรือนจำก่อนครบกำหนด ในขณะที่ ร้อยละ 4.10 ระบุว่า ควรได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำก่อนครบกำหนด
สำหรับผู้ที่ตอบเหตุผลที่ผู้ต้องขังเหล่านี้ไม่ควรได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำก่อนครบกำหนดพบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 94.20 ระบุว่า กลัวว่าจะกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก รองลงมา ร้อยละ 93.00 ระบุว่า ชุมชน สังคม อาจจะไม่ได้รับความปลอดภัย หรือความสงบสุข ร้อยละ 90.80 ระบุว่า จำเลยหรือผู้ต้องขัง ไม่รู้สึกหลาบจำ หรือไม่ได้รับการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ร้อยละ 87.60 ระบุว่า จำเลยหรือผู้ต้องขัง ได้รับการลงโทษน้อยกว่าคำพิพากษา และร้อยละ 87.40 ระบุว่า เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐไม่สามารถกำกับติดตาม สอดส่อง หรือป้องกันการก่ออาชญากรรมได้


